การตรวจฮอร์โมน: สำคัญแค่ไหน? จำเป็นต่อสุขภาพระยะยาวอย่างไร?
ในยุคที่ผู้คนหันมาใส่ใจสุขภาพเชิงป้องกันมากขึ้น “การตรวจฮอร์โมน” กลายเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ช่วยเปิดเผยเบื้องหลังความผิดปกติของร่างกาย โดยเฉพาะในด้านการเผาผลาญ พลังงาน อารมณ์ ภาวะเจริญพันธุ์ ไปจนถึงแนวโน้มการเสื่อมของร่างกายตามอายุ
ฮอร์โมนเป็นสารชีวภาพที่ควบคุมกระบวนการทำงานมากมายภายในร่างกาย และความผิดปกติของฮอร์โมนมักจะเกิดขึ้นแบบเงียบๆ โดยไม่มีอาการชัดเจนในช่วงแรก การตรวจฮอร์โมนจึงเป็นการ “ล้วงลึก” เพื่อประเมินสุขภาพอย่างแท้จริง
ฮอร์โมนแต่ละตัวบอกอะไรเกี่ยวกับสุขภาพของคุณ?
1. LH (Luteinizing Hormone)
ฮอร์โมน LH ควบคุมการตกไข่ในผู้หญิง และกระตุ้นการสร้างเทสโทสเตอโรนในผู้ชาย ใช้ตรวจหา ภาวะมีบุตรยาก, ภาวะหมดประจำเดือนก่อนวัย, และ ความผิดปกติของต่อมใต้สมอง
2. Estradiol (E2)
เป็นฮอร์โมนเอสโตรเจนหลักในผู้หญิง มีบทบาทสำคัญต่อการทำงานของระบบสืบพันธุ์, กระดูก, ผิวพรรณ ใช้ประเมิน ภาวะหมดประจำเดือน, ฮอร์โมนต่ำจากความเครียดหรืออายุ, กลุ่มอาการ PCOS
3. Progesterone
เกี่ยวข้องกับรอบเดือน การตั้งครรภ์ และความสมดุลของฮอร์โมนเอสโตรเจน ใช้ตรวจเพื่อดูว่า มีการตกไข่เกิดขึ้นหรือไม่ และใช้ติดตาม ภาวะแท้งง่าย
4. FSH (Follicle Stimulating Hormone)
ทำงานร่วมกับ LH ช่วยกระตุ้นการสร้างไข่ในผู้หญิง และสเปิร์มในผู้ชาย ระดับที่ผิดปกติอาจบ่งบอกถึง ภาวะหมดประจำเดือน, ความผิดปกติของรังไข่หรือลูกอัณฑะ
5. Testosterone
ฮอร์โมนเพศชายที่สำคัญทั้งในผู้ชายและผู้หญิง ส่งผลต่อ กล้ามเนื้อ, พลังงาน, ความต้องการทางเพศ การตรวจระดับเทสโทสเตอโรนช่วยวินิจฉัย ภาวะฮอร์โมนเพศชายต่ำ (Low T)
6. DHEA-S (Dehydroepiandrosterone Sulphate)
เป็นฮอร์โมนตั้งต้นของทั้งเอสโตรเจนและเทสโทสเตอโรน ตรวจเพื่อดู ความสามารถในการผลิตฮอร์โมนของต่อมหมวกไต, ภาวะเครียดเรื้อรัง, การเสื่อมตามอายุ
7. SHBG (Sex Hormone Binding Globulin)
เป็นโปรตีนที่จับกับฮอร์โมนเพศ เช่น เทสโทสเตอโรนและเอสโตรเจน หาก SHBG สูงหรือต่ำเกินไปจะส่งผลต่อ ระดับฮอร์โมนที่ใช้งานได้จริง (Free hormone)
8. IGF-1 (Insulin-like Growth Factor 1)
เป็นตัวชี้วัดทางอ้อมของโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ใช้ประเมิน ภาวะชะลอวัย, มวลกล้ามเนื้อ, สุขภาพโดยรวมของระบบเมตาบอลิซึม
9. IGF-BP3 (IGF Binding Protein 3)
ทำหน้าที่จับ IGF-1 ให้เสถียรในกระแสเลือด การตรวจร่วมกับ IGF-1 ช่วยประเมิน การทำงานของ GH (Growth Hormone) และ แนวโน้มการเจริญเติบโตหรือเสื่อมถอยของร่างกาย
10. TSH (Thyroid Stimulating Hormone)
ฮอร์โมนจากต่อมใต้สมองที่กระตุ้นการทำงานของต่อมไทรอยด์ หากสูงหรือต่ำอาจแปลว่ามี ภาวะไทรอยด์ต่ำหรือเกิน
11. Free T3 / Free T4
เป็นฮอร์โมนไทรอยด์ที่ร่างกายนำไปใช้งานจริง ช่วยควบคุม ระบบเผาผลาญ พลังงาน น้ำหนักตัว อุณหภูมิ และอารมณ์ ความไม่สมดุลอาจนำไปสู่ ภาวะไทรอยด์ทำงานผิดปกติแบบเรื้อรัง
12. Prolactin
ฮอร์โมนที่ควบคุมการสร้างน้ำนม แต่ถ้าสูงเกินไปในคนที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ อาจทำให้ รอบเดือนผิดปกติ, ภาวะมีบุตรยาก, หรือเป็นสัญญาณของ เนื้องอกที่ต่อมใต้สมอง
13. Insulin
ฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด การตรวจอินซูลินช่วยคัดกรอง ภาวะดื้อต่ออินซูลิน (Insulin Resistance) ซึ่งเป็นจุดเริ่มของ เบาหวาน, อ้วนลงพุง, และ Metabolic Syndrome
14. Cortisol
ฮอร์โมนความเครียดจากต่อมหมวกไต หากสูงหรือต่ำผิดปกติจะส่งผลต่อ ภูมิคุ้มกัน, การนอน, อารมณ์, และ การเก็บสะสมไขมันในร่างกาย
การตรวจฮอร์โมนเหมาะกับใคร?
ผู้ที่มี อาการผิดปกติแต่ตรวจสุขภาพทั่วไปไม่พบความผิดปกติ
ผู้ที่มี ปัญหาการนอน ความเครียด หรืออารมณ์แปรปรวน
ผู้หญิงที่ประสบปัญหา ประจำเดือนมาไม่ปกติ หรือหมดไว
ผู้ชายที่รู้สึก พลังงานลดลง กล้ามเนื้อน้อยลง ความต้องการทางเพศลด
ผู้ที่ต้องการดูแนวโน้มการ ชะลอวัยหรือเสื่อมของร่างกาย
ผู้ที่อยู่ระหว่างการวางแผนตั้งครรภ์ หรือมีบุตรยาก
สรุป
การตรวจฮอร์โมนไม่ได้จำกัดเฉพาะคนที่มีอาการผิดปกติแล้วเท่านั้น แต่เป็นเครื่องมือเชิงลึกที่ช่วยให้เข้าใจสุขภาพของตนเองมากขึ้น เป็นพื้นฐานสำคัญของการดูแลสุขภาพเชิงรุก (Preventive Health) เพื่อป้องกันโรคและส่งเสริมคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน